สรรพคุณของข่า
1. ช่วยขับลม แก้อาการไอ เจ็บคอ ขับเสมหะ
ด้วยมีรสชาติที่เผ็ดร้อน ทำให้ข่ามีฤทธิ์ช่วยขับเลือดลมให้เดินสะดวก เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มการเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น นอกจากนี้ เมื่อสกัดน้ำมันหอมระเหยจากข่ามา ยังสามารถใช้ประโยชน์ ในการช่วยแก้อาการหวัด ไอ และเจ็บคอได้อีกด้วย
2. ช่วยให้ย่อยอาหาร ลดการบีบตัวของลำไส้
การรับประทานข่า ส่งผลดีต่อลำไส้ เพราะช่วยย่อยอาหารและลดการบีบตัว โดยสาร eugenol จากเหง้าข่าจะมีฤทธิ์ขับน้ำดี ช่วยย่อยอาหารได้ ส่วนสาร cineole, camphor และ eugenol ในข่าเอง ก็มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ อันเป็นสาเหตุของการเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ที่จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืด ไม่สบายท้อง หรือ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย
3. ใช้รักษาโรคกลาเกลื้อนได้
สารสกัดข่า สามารถรักษาโรคกลากเกลื้อนได้ เมื่อเปรียบเทียบกับยารักษาทั่วไป โดยเมื่อใช้สารสกัดจากข่าด้วยน้ำกลั่นเมทานอล ไดคลอโรมีเทน เฮกเซน หรือ แอลกอฮอล์ จะมีฤทธิ์สามารถฆ่าเชื้อรา Microsporum gypseum, Trichophyton rubrum และ Trichophyton mentagrophyte ที่เป็นสาเหตุของโรคกลากเกลื้อนได้
4. มีคุณค่าทางโภชนาการ
ข่า ก็เช่นเดียวกับ ขิง สามารถนำส่วนเหง้าอ่อนของข่า มาต้มดื่มกินได้ เพราะนอกจากช่วยขับลม ดีต่อสุขภาพ ยังให้สารอาหารที่มีประโยช์กับร่างกาย โดยมีการศึกษา คุณค่าทางโภชนาการของเหง้าข่าอ่อน ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารต่างๆ ประกอบด้วย กากใยอาหาร 1.1 กรัม แคลเซียม 5 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.13 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.15 กรัม และวิตามินซี 23 มิลลิกรัม
5. ช่วยรักษาอาการข้ออักเสบได้
เมื่อคนเราแก่ตัวลง มักจะเกิดอาการข้ออักเสบ เนื่องจากข้อต่อกระดูกเสื่อมและมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น การรับประทานข่าหรือสารสกัดจากข่า จะช่วยรักษาอาการข้ออักเสบได้ เพราะมีสารออกฤทธิ์ คือ 1′-acetoxychavicol acetate, 1′-acetoxyeugenol acetate และ eugenol ที่จะช่วยลดการอักเสบของกระดูก และมีสาร p-hydroxycinnamaldehyde ช่วยยับยั้งการสลายของเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไขข้ออักเสบและเสริมความแข็งแรงให้กับข้อต่อในร่างกายเราได้เป็นอย่างดี
6. มีฤทธิ์ยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร
เหง้าข่ามีสาร 1’S-1′-acetoxychavicol acetate และ 1’S-1′-acetoxyeugenol acetate ที่ช่วยยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร และเมื่อนำสารสกัดจากเหง้าข่ามาทดลอง พบว่า ด้วยสารปิโตรเลียมอีเธอร์, ไดเอทิลอีเธอร์, อะซีโตน ที่มีอยู่ในสารสกัด สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli และ Salmonella typhi ที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงได้อีกด้วย เหง้าข่า จึงมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร และป้องกันการอาการท้องร่วงได้
7. สามารถต้านเซลล์มะเร็งได้
จากการศึกษาทางเภสัชวิทยาที่ผ่านมา พบว่า สารสกัดจากเหง้าข่า สามารถทำให้เซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์ชนิดต่าง ๆ ไวต่อการรักษาด้วยยาปัจจุบันมากขึ้น และมีฤทธิ์ต้านและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เซลล์มะเร็งมดลูก เซลล์มะเร็งเต้านม เซลล์มะเร็งปอด เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหาร เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ เซลล์มะเร็งชนิดที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว (HT1080) และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลการศึกษาเพิ่มเติมที่เพียงพอ ที่จะมายืนยันถึงประสิทธิภาพดังกล่าว จึงต้องรอผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือกว่านี้ต่อไป
วิธีเก็บรักษา : เก็บในที่แห้ง อุณหภูมิห้องปกติ ไม่โดนแสงแดดและความชื้น
ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น ไม่ใส่วัตถุกันเสีย
เมื่อชงในน้ำอาจมีตะกอนไม่มีผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์
และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ควรปิดให้สนิทหลังจากมีการเปิดใช้แล้วเพื่อรักษาคุณภาพ